ipro999.com เกล็ดหลังเกม หงส์แดงชุดเล็ก ชนะ ชรูว์สบิวรี่
เกล็ดหลังเกม แม้ว่าเกมนี้ ลิเวอร์พูล ชุดอายุน้อยที่สุดในหน้าประวัติศาสาตร์สโมสร จะต้องสู้กับแข้งผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ แต่พวกเขาแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และความกล้าในการเล่น จนกดทีมเยือนได้อยู่หมัด แม้จะมีบางจังหวะที่โดนนักเตะชรูว์สบิวรี่ บุกมาขู่บ้าง แต่พวกเขาก็ไม่หวั่นไหว ที่สำคัญเกมนี้หากไม่ได้ “วีเออาร์” ริบประตู ชรูว์สบิวรี่ อาจทำให้ “เดอะ เร้ดส์” ต้องโบกมือลาถ้วยใบนี้ไปแล้ว ขณะเดียวกันสิ่งที่น่าเจ็บปวดซ้ำสองสำหรับทีมในลีก วัน ก็คือการที่พวกเขาต้องตกรอบด้วยการทำเข้าประตูตัวเองของ โรฌอน วิลเลี่ยมส์ !!!
1. “วีเออาร์” พาเข้ารอบ
หลายคนมักจะมองว่า ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ได้ประโยชน์จาก “วีเออาร์” (VAR) หลายต่อหลายครั้งในเกมพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ซึ่งส่งผลต่อผลการแข่งขัน และทำให้พวกเขายังคงรักษาสถิติไม่แพ้ใครในเกมลีกซีซั่นนี้ ขณะที่เหล่า “หงส์น้อย” ก็ได้ “วีเออาร์” ช่วยให้รอดจากการเสียประตูเช่นกัน
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ เดวิด เอ็ดเวิร์ดส์ ยิงติดเซฟ ควีวีน เคลเลเฮอร์ โกลดาวรุ่ง แต่โชคไม่ดีมาเข้าทาง ฌอน วอลลี่ย์ โขกซ้ำเข้าไป แต่ผู้ตัดสินรอฟัง “วีเออาร์” ก่อนริบสกอร์คืนเนื่องจากนักเตะยืนล้ำหน้าไปก่อนแล้ว งานนี้ทำเอา ลิเวอร์พูล โล่งใจ และยังสามารถอยู่ในเกมของตัวเองต่อไป
2. ชุดเด็กก็เก่งนะ
หลังจากมีการประกาศ 11 ตัวจริงของ ลิเวอร์พูล ในเกมนี้ บอกเลยว่าสาวก “เดอะ ค็อป” ทำใจกันแล้ว เพราะทีมชุดนี้มีอายุเฉลี่ยแค่ 19 ปี กับ 102 วัน เท่านั้นถือเป็นทีมตัวจริงอายุเฉลี่ยน้อยสุดในประวัติศาสตร์สโมสรซึ่งเป็นหนที่สองของในซีซั่นนี้ โดยสถิติเดิมของพวกเขาเพิ่งเกิดขึ้นในเกม คาราบาว คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่บุกไปแพ้ แอสตัน วิลล่า 0-5 เมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว ซึ่งชุดดังกล่าวอายุเฉลี่ยทีมตัวจริงอยู่ที่ 19 ปี กับ 182 วัน
แม้ว่าอายุและประสบการณ์จะน้อยกว่า แต่ผลงานของนักเตะเหล่านี้ถือว่าสุดยอด เมื่อสามารถครองเกมได้เหนือกว่า ชรูว์สบิวรี่ โดยสถิติในการครองเกม 58 เปอร์เซ็นต์, โอกาสยิงประตู 12 ครั้ง เข้าเป้า 4 ครั้ง ขณะที่ผู้มาเยือนยิงไม่เข้าเปาเลย
3. แบ็กขวา มีตัวสำรองพร้อมขึ้นชุดใหญ่
การที่ “เจ้าหนูเทรนต์” ต้องกรำศึกหนักในวันเพียงแค่ 21 ปีร่างกายอาจจะกรอบและเกิดการบาดเจ็บได้ ฉะนั้นจึงเริ่มมีคำถามออกมาอย่างต่อเนื่องจากหาก ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ เกิดได้รับบาดเจ็บหนักขึ้นมา ตำแหน่งแบ็กขวาของลิเวอร์พูล ใครจะลงทำหน้าที่แทน แต่ตอนนี้ดูเหมือน คล็อปป์ น่าจะได้คำตอบแล้วเมื่อเห็นผลงานของ เนโก วิลเลี่ยมส์
ฟูลแบ็กชาวเวลส์ วัย 18 ปี โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นโดยเล่นเกมรับได้แข็งแกร่ง และเติมเกมรุกได้ดุดัน แมตช์นี้ยังแสดงให้เห็นถึงทักษะในการเปิดบอลที่คมกริบ โดยเฉพาะในจังหวะที่ทีมได้ประตู ต้องบอกเลยว่าต่อให้ โรฌอน วิลเลี่ยมส์ ไม่โหม่งพลาดเข้าประตูตัวเอง บอลก็มีสิทธิ์เลยเข้าทาง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ และจบสกอร์ก็เป็นไปได้
4. แอนฟิลด์ นรกทีมเยือน
ไม่ว่าจะเป็นทีมชุดใหญ่หรือชุดเด็ก ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งเมื่อเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ โดยพวกเขาสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น 40 เกมในบ้านตัวเองจากการแข่งขันทุกรายการ (ชนะ 35, เสมอ 5) ที่สำคัญ 7 เกมหลังสุดพวกเขาชนะรวดแถมไม่เสียประตูซะด้วย
อย่างไรก็ตาม รอบ 5 “หงส์แดง” ต้องไปเยือน “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ แน่นอนว่า คล็อปป์ คงไม่กล้าที่จะใช้เด็กลงสนามทั้งหมด เพราะหากทำแบบนั้นมีโอกาสที่พวกเขาจะแพ้ยับเหมือนที่เคยโดน แอสตัน วิลล่า ถลุงจนหาทางกลับบ้านไม่ถูกสกอร์ 5-0 ในศึกคาราบาว คัพ
5. เคอร์ติส โจนส์ พร้อมแล้วที่จะขึ้นชุดใหญ่
เจอร์เก้น คล็อปป์ ชื่นชอบ เคอร์ติส โจนส์ มาตลอดและใส่ชื่อของเขาลงเล่นในทีมชุดใหญ่หลายเกม ซึ่งผลงานในแมตช์ล่าสุด แสดงให้เห็นแล้วว่า ดาวเตะวัย 19 ปี มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักให้กับทัพ “หงส์แดง” ในอนาคตแน่นอน
ก่อนหน้า โจนส์ ก็ค่อยๆ ฉายแสงเจิดจรัสในฐานะสตาร์ลูกหนังคนใหม่จากการลงเล่นศึกเอฟเอ คัพ 2 รอบก่อนหน้านี้ และในแมตช์รับมือ ชรูว์สบิวรี่ บรรดาสาวก “เดอะ ค็อป” ในแอนฟิลด์ ต่างประทับใจฟอร์มของเจ้าตัวอีกครั้ง และมองว่านี่คือหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่เก่งที่สุดของสโมสร
————————————————————————
สมัคร โปรโมชั่นภายในเดือนนี้ รับโบนัสร้อนแรง แอดเลย ที่ line:@ipro356